วันพฤหัสบดีที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

วิธีการเลี้ยงดูแลแมวสายพันธุ์ อเมริกันช็อตแฮร์


วิธีการเลี้ยงดูแลแมวสายพันธุ์ อเมริกันช็อตแฮร์


ลักษณะสายพันธุ์ของแมว อเมริกันช็อตแฮร์

ขนาด : ตัวผู้จะมีน้ำหนักประมาณ 5-6 กิโลกรัม ส่วนตัวเมียจะมีน้ำหนักอยู่ที่ประมาณ 3-5 กิโลกรัม
ขน : สั้น อาจมีหลุดร่วงบ้าง
สี : ขาว ดำ น้ำเงิน แดง ครีม และสีเงิน พร้อมลวดลายหลากหลายเฉดสี
เสียงร้อง : ค่อนข้างเงียบ ไม่ค่อยร้อง เท่าใดนัก
นิสัย : ตอนเด็กจะขี้เล่น ตอนโตจะสงบเสงี่ยม

นิสัยของแมวอเมริกันช็อตแฮร์

นิสัยของสายพันธุ์แมวอเมริกันช็อตแฮร์นั้น จัดว่าเป็นแมวร่าเริงที่ขี้เล่น รักความสนุกสนาน รวมถึงมีความเป็นนักล่าสูง ทำให้ชอบวิ่งเล่นไล่จับสัตว์ประเภทต่างๆ เป็นพิเศษ ดังนั้นแมวสายพันธุ์นี้มักจะเรียกร้องให้เจ้าของเล่นด้วยบ่อยๆ และมักจะโปรด ปรานของเล่นประเภทที่ใช้เหยื่อปลอม ล่อให้เค้าวิ่งไล่จับ
นอกจากนี้สายพันธุ์แมว อเมริกันช็อตแฮร์ยังเป็นสายพันธุ์ที่สามารถผูกมิตรกับสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ในบ้านได้ง่าย เหมาะสำหรับเลี้ยงในครอบครัวใหญ่หรือเลี้ยงในบ้านที่มีเด็กเล็กๆ เป็นอย่างดี ทั้งยังสามารถ เข้ากับแมวอื่นได้ดี มีแนวโน้มที่จะเลี้ยง รวมกับแมวตัวอื่นในบ้านอย่างไม่มี ปัญหาอีกด้วย

ความเสี่ยงของแมวอเมริกันช็อตแฮร์และ วิธีป้องกัน

หากใครที่อยากจะเลี้ยงแมวสาย พันธุ์ American Short Hair อาจต้องทำใจยอมรับนิดนึงว่ากรรมพันธุ์ของเค้านั้น มีความเสี่ยงในการเป็น โรคหัวใจสูง วิธีป้องกันก็คือการเลือก เลี้ยงแมวอเมริกันช็อตแฮร์นั้น ควรสืบ ย้อนไปนิดนึงว่าต้นตระกูลของเค้ามี ประวัติความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจ มาก่อนหรือไม่ หากไม่มีประวัติมาก่อนความเสี่ยงก็จะน้อยลงได้ค่ะ ส่วนปัญหาอื่นๆ สำหรับแมวอเมริกันช็อตแฮร์ที่มักจะพบกันส่วนใหญ่จะเป็น เรื่องของเชื้อราบนผิวหนังและการเป็น หวัด ซึ่งสามารถป้องกันได้จากการดูแล ผิวหนังและเส้นขนของเค้าให้ดี ให้น้อง แมวอาศัยอยู่ในที่ๆ ไม่เปียกชื้น ส่วนปัญหาเรื่องขน ร่วงของแมวสายพันธุ์นี้มีน้อยมาก เพราะมักจะร่วงเฉพาะช่วงเวลาผลัดขนปีละ 2 ครั้งเท่านั้นค่ะ

การดูแลแมวอเมริกันช็อตแฮร์

การดูแลแมวอเมริกันช็อตแฮร์นั้นไม่ยุ่ง ยากเลยค่ะ เพราะสายพันธุ์นี้จัดว่ามี สุขภาพแมวที่แข็งแรงอยู่แล้ว ซึ่งแมวอเมริกันช็อตแฮร์จะโตเต็มวัยเมื่ออายุได้ประมาณ 3-4 ปี และถ้าเราดูแลเค้าให้ดี ด้วยการพาไปฉีดวัคซีนอย่างถูกต้อง ตรวจสุขภาพแมวเป็นประจำทุกปี และใส่ใจเลือกอาหารแมวที่มีคุณภาพสูงและสารอาหารครบถ้วน อย่างการเลือก ซื้ออาหารแมว Purina ONE สูตรปลาแซลมอนและปลาทูน่า ที่มีคุณ ค่าจากโอเมก้า 3 และ 6 ช่วยให้ขน ของเค้านุ่มสวย ดูสุขภาพดี ดวงตาสดใส แถมยังมีสารต้านอนุมูลอิสระจากวิตามิน E, A และซิลีเนียม ก็จะช่วยเสริมภูมิต้านทานให้น้องแมว อเมริกันช็อตแฮร์ มีสุขภาพแข็งแรง และถ้าเราดูแลแมวเป็นอย่างดีในทุกๆ วันแล้ว น้องแมวสายพันธุ์นี้จะมีอายุยืนยาว อยู่เป็นเพื่อน เราได้ถึง 15 ปีเลยทีเดียวล่ะ รู้แล้ว 

    น้องแมวสายพันธุ์อเมริกันซ็อตแฮร์นั้นเรียกได้ว่ามีความเป็นแมวที่ร่าเริง น่ารัก แข็งแรง และนิสัยดีเป็นมิตรกับคนทั่วไป ทั้งยังดูแลง่ายไม่ยุ่งยากอย่างที่คิด ดังนั้นใครที่กำลังมองหาน้องแมวที่จะช่วย สร้างความสุขให้ทุกคนในบ้านได้อย่าง ราบรื่น ก็ขอแนะนำให้เลือกน้องแมว สายพันธุ์อเมริกันช็อตแฮร์เอาไว้ในใจด้วยนะคะ



แมวอเมริกัน ชอร์ตแฮร์ (American Shorthair)

 

แมวอเมริกัน ชอร์ตแฮร์ (American Shorthair)




         หากคุณกำลังมองหาแมวที่จะนำมาเป็นเพื่อนที่ดีของเด็ก ๆ ตัวใหญ่ ใจดี น่ากอดอยู่ล่ะก็ แมวพันธุ์อเมริกันขนสั้น (American Shorthair)  เป็นแมวพันธุ์ที่มีความเหมาะสมอย่างมาก แมวพันธุ์นี้เป็นที่รู้กันถึงความอายุยืน สุขภาพแข็งแรง ดูดี มีลักษณะที่สงบ ทั้งยังเป็นแมวที่ได้รับความนิยมมากในวงการโฆษณาและวงการบันเทิง จึงไม่แปลกเลยว่า American Shorthair จะเป็นแมวสายพันธุ์หนึ่งซึ่งที่เป็นที่นิยมมากที่สุดในโลกแห่งแมว 

          ทั้งนี้ แมวพันธุ์อเมริกันขนสั้น (American Shorthair) เป็นแมวสายพันธุ์ของอเมริกา บรรพบุรุษมาจากแถบยุโรปในช่วงเริ่มแรกและมาแพร่พันธุ์ยังอเมริกาเหนือ เมื่อครั้งชาวยุโรปเดินทางไปแสวงหาถิ่นที่อยู่ใหม่ โดยแมวถูกนำลงเรือไปด้วยเพื่อใช้ประโยชน์ในการล่าหนูมิให้ทำลายข้าวของ ต่อมาแมวมีการผสมพันธุ์ไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งกลายไปเป็นแมวพื้นเมืองขนสั้นของอเมริกาเหนือ ความสวยและน่ารักของมันได้กลายมาเป็นสิ่งที่มีคุณค่า เช่นเดียวกับกับความสามารถในการจับหนูของมัน ตามข้อมูลระบุว่า แมว tabby (ลายเสือ) American Shorthair เคยถูกเสนอขายในราคาถึงกว่า $2,500 ในงานประกวดแมวประจำปีในปี 1896

          ต่อมา ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 แมวสายพันธุ์ต่างประเทศได้ถูกนำเข้ามาในประเทศสหรัฐอเมริกา (แมวขนยาวกับแมววิเชียรมาศ) เพื่อผสมกับแมวพื้นเมืองขนสั้น และได้ให้กำเนิดลูกแมวที่มีลักษณะขน ลำตัว สี และอุปนิสัยที่แตกต่างกันไป ใครก็ตามที่ต้องการรักษาแมวสายพันธุ์ American Shorthair ต้องมีตัวอย่างสายพันธุ์แมวที่บริสุทธิ์ และเริ่มที่ผสมกับแมวที่ได้รับการเลือก เพื่อจะรักษาลักษณะที่ดีของสายพันธุ์ หน้าที่สวยงาม ลักษณะนิสัยที่อ่อนหวาน และในขณะเดียวกันก็รักษาลักษณะรูปแบบและสีสันของ American Shorthair อย่างที่เป็นทุกวันนี้  และกลายเป็นอีกสายพันธุ์หนึ่งที่คนนิยมเลี้ยง

          ในปี 1966  จากเดิมที่เรารู้จักกันในแมวที่เลี้ยงกันตามบ้านทั่วไป (Domestic Shorthair) แมวสายพันธุ์นี้ได้รับการตั้งชื่อเสียใหม่ว่า American Shorthair เพื่อให้เป็นตัวแทนของลักษณะแมวของอเมริกาและเพื่อให้แตกต่างจากแมวขนสั้น สายพันธุ์อื่น ๆ ชื่อ American Shorthair เป็นการเน้นย้ำถึงความเป็นแมวขนสั้นพันธุ์ดั้งเดิมในอเมริกาเหนือ ที่มีความแตกต่างอย่างชัดเจนจากแมวที่หาได้ตามท้องถนนทั่วไป

วันพุธที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

การเลี้ยงดูแลแมวสายพันธุ์ Ragdoll Cat แมวพันธุ์-แร็กดอลล์


การเลี้ยงดูแลแมวสายพันธุ์ Ragdoll Cat แมวพันธุ์-แร็กดอลล์


ลักษณะเด่น
แมว Ragdoll เป็นแมวที่มีโครงร่างใหญ่ ขนหนานุ่ม มีขนอยู่ 4 แบบ คือ bi-color, van, mitted และ pointed โดยมีสีอยู่ 8 สี คือ seal, blue, chocolate, lilac, red, cream, fawn และ cinnamon และอาจมีแต้มสีแบบแมววิเชียรมาศได้อีกด้วย ขนบริเวณเอวหนาแน่นเป็นปุยฟู และมีเป็นจุดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์l คือ บริเวณอุ้งเท้าไปถึงช่วงขามีสีขาวเหมือนสวมถุงเท้า ลักษณะคล้ายแมวตุ๊กตาผ้า
 
ลักษณะนิสัย
เป็นแมวแร็กดอลล์ เป็นแมวที่รักความเงียบสงบ มีเสียงร้องที่เบามาก และเมื่อเวลาที่คนอุ้ม มันจะทิ้งตัวคล้ายไม่มีกระดูก ดูราวกับตุ๊กตาผ้า มีนิสัยขี้อ้อน ติดคนมาก เข้ากับเด็กและสัตว์อื่นได้ดีอีกด้วย

การดูแล
แมวแร็กดอลล์เป็นแมวที่ชอบทำความสะอาดขนด้วยการเลียขนตัวเองเป็นประจำ แต่ด้วยขนที่ยาวและหนาจึงอาจมีโอกาสที่จะป่วยจากการเกิด Hairball หรือก้อนขนในกระเพาะอาหารได้สูง ดังนั้นผู้เลี้ยงจึงควรใส่ใจในการแปรงขน และหมั่นสังเกตอาการต่าง ๆ หากพบอาการผิดปกติ ให้รีบพาไปพบสัตวแพทย์





ประวัติแมวสายพันธุ์ แร็กดอลล์ (regdall)

ประวัติแมวสายพันธุ์ แร็กดอลล์ (regdall)


       แมวพันธุ์แร๊กดอลล์ Ragdoll เป็นแมวขนาดใหญ่ มีขนยาวสวยงาม ดวงตาใหญ่ มีสีฟ้า สีของขนเป็นสีอ่อน หรืออาจมีแต้มสีบนใบหน้า ขา หู และหาง แมว Ragdoll  ถูกพัฒนาโดย Ann Baker นักผสมพันธุ์ชาว แคลิฟอร์เนีย ในปี ค.ศ.1960 โดย แมว Ragdoll ตัวแรกมีชื่อว่า Josephine เป็นแมวที่น่ารัก สุภาพ และมีแต้มสีแบบแมววิเชียรมาศ 

          ทั้งนี้ Josephine แมว Ragdoll ตัวแรก เป็นลูกผสมระหว่าง แมวเปอร์เซีย (Persian Cats) และแมวพันธุ์แองโกร่า (Angora Cats) ซึ่งต่อมาได้มีการพัฒนาสายพันธุ์ แมวแร๊กดอลล์ เรื่อยมา จนกลายเป็น แมว Ragdoll อย่างที่เราเห็นกันในปัจจุบัน

เจ้าแมวแร็กดอลล์นี้มีลักษณะเหมือนตุ๊กตาผ้ามากเลยได้ชื่อว่า Ragdoll เวลาอุ้มก็ชอบทำตัวอ่อนเหมือนไม่มีกระดูก ขนบริเวณเอวแน่นฟู มีเสียงร้องที่เบามาก และเป็นแมวที่ชอบความเงียบสงบ
 
ถิ่นกำเนิด
จากประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งแมวแร๊กดอลล์ตัวแรกได้มีการพัฒนามาจากการผสมพันธุ์ระหว่างแมวเปอร์เซีย และแมวแองโกล่า และได้พัฒนาสายพันธุ์เรื่อยมาจนเป็นแมวแร็กดอลล์ในปัจจุบัน




วันอังคารที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

วิธีการเลี้ยงดูแลแมวสายพันธุ์ ทิฟฟานี (Tiffanie)


วิธีการเลี้ยงดูแลแมวสายพันธุ์ ทิฟฟานี (Tiffanie)


    ทิฟฟานี้เป็นแมวขนาดกลาง ชื่นขอบอยู่กลับคนมากกว่าจะถูกทิ้งไว้โดยลำพัง แมวพันธุ์นี้เป็นที่รู้จักกันอีกชื่อว่า ชานทิลลี่ (Chantilly)

      ชานทิลลี่เป็นแมวขนาดกลาง ศรีษะกว้างรูปลิ่ม และมีกระดูกแก้มสูง หูขนาดกลางและมีพื้นที่ส่วนนกลางมีขนยาวออกมาจากด้านใน
    ดวงตาของชานทิลลี่เป็นรูปวงรีและทำมุมระหว่างกันบนใบหน้า ตาสีทองและมีสีเข้มขึ้นตามอายุ
ถึงแม้ว่าจะถูกเรียกว่าเป็นแมวขนยาว แต่ว่าขนของชานทิลลี่จะยาวปานกลางโดยที่อาจจะมีขนชั้นล่างเล็กน้อยหรือไม่มีเลย ซึ่งขนนี้ทำให้เขาดูเป็นแมวขนยาว ขนนุ่มและลื่นดุจไหม

บุคคลิกลักษณะ: 

ชานทิลลี่เป็นคู่หูที่ทุ่มเทและชอบที่จะอยู่กับคนมากกว่าจะถูกทิ้งไว้ตามลำพัง ในขณะเดียวกันชานทิลลี่ไม่เรียกร้อง เขาเพียงจะ "ส่งเสียง" และ "พูด" หากว่ากำลังมีการสนทนาน สายพันธุ์นี้มีแสน่ห์ และอารมณ์ดี

อาศัยกับ: 

การควบคุมอาหารเป็นสิ่งสำคัญในการดูแลแมวสายพันธุ์นี้เพื่อป้องกันไม่ให้มีน้ำหนักมากเกินไป หรือรักษาให้มีสุขภาพที่ดี ซึ่งขนที่กึ่งยาวนี้สามารถที่ปกปิดการมีพุงในระยะแรกเริ่มได้
ควรเตรียมสถานที่วิ่งเล่นให้กับชานทิลลี่ ซึ่งการออกกำลังกายแบบที่มีปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์สามารถทำได้ในกิจกรรมในชีวิตประจำวัน แมวพันธุ์นี้การมีปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์เป็นสิ่งสำคัญและเขาชื่นชอบให้ผู้ดูแลเล่นกับเขา
ถึงแม้ว่าชานทิลลี่จะไม่มีหรือมีขนชั้นล่างเล็กน้อย แต่ก็ควรแปรงขนทุกวันเพื่อให้ขนที่ร่วงหลุดออกมา หากไม่แปรงขนอาจจะทำให้ขนพันกันได้

ประวัติ: 

ชาลทิลลี่มักจะถูกเข้าใจผิดว่าเป็นแมวพันธุ์เบอร์มีสขนกึ่งยาว สายพันธุ์นี้เริ่มต้นจากการผสมพันธุ์ของแมวสีช๊อกโกแลตคู่หนึ่งที่ไม่รู้ต้นกำเนิด  ปัจจุบันการผสมพันธุ์กับสายพันธุ์อื่นสามารถทำได้ แต่ว่าห้ามผสมพันธุ์กับแมวพันธุ์เบอร์มีส
แมวชานทิลลี่ตัวแรกเกิดขึ้นที่นิวยอร์กในปีค.ศ. 1969 ต่อมาโปรแกรมการพัฒนาสายพันธุ์นี้ก็ได้เริ่มขึ้นในฟลอริดาและแคนนาดา
ในช่วงแรกชานทิลลี่ได้รับการจดทะเบียนภายใต้ชื่อว่า "Foreign longhair" แต่ผู้บำรุงพันธุ์รู้สึกว่าชื่อนี้ไม่เหมาะสมที่จะเป็นชื่อของสายพันธุ์ ดังนั้นจึงได้เปลี่ยนชื่อเป็น "ทิฟฟานี่" (Tiffany)และจดทะเบียนด้วยชื่อนี้  อย่างไรก็ตามบริติช รีจิสทรี (British Registry) เรียกว่า GCCF คือสายพันธุ์ที่ผสมระหว่างชินชิลลา เปอร์เซียน (Chinchilla Persian) และเบอร์มีส (Burmese) และได้เรียกว่า "ทิฟฟานี่" (Tiffanie) เพื่อเลี่ยงความสับสน ภายหลังแมวพันธุ์ได้ถูกเรียกว่า "ชานทิลลี่" และได้ใช้ชื่อนี้เพื่อเรียกแมวพันธุ์นี้คือ "ชานทิลลี่/ทิฟฟานี่" (Chantilly/Tiffany)



ประวัติแมวสายพันธุ์ทิฟฟานี (Tiffanie)


ประวัติแมวสายพันธุ์ทิฟฟานี (Tiffanie)



ทิฟฟานี (Tiffanie)


       แมวทิฟฟานีนั้นเกิดขึ้นในช่วงระหว่างโครงการผสมพันธุ์แมวเบอร์มิลลาซึ่งเป็นการผสมพันธุ์ระหว่างแมวเบอร์มีสและแมวเปอร์เซียชินชิลล่าในตอนแรก ในปัจจุบันนี้ได้มีสมาคมแมวต่างๆและนักผสมพันธุ์แมวมากมายมุ่งพัฒนาแมวสายพันธุ์นี้ให้มีคุณภาพสูงสุด ดังนั้นเหมียวทิฟฟานี่จึงเป็นแมวที่มีทุกอย่างครบครัน ถ้าคุณอยากได้แมวเหมียวที่ทั้งสวย ฉลาด นิสัยดี และยังมีขนกึ่งสั้นกึ่งยาวที่ดูหรูหราและไม่พันกันยุ่งแล้วล่ะก็ แมวทิฟฟานี่เป็นทางเลือกที่ใช่เลยสำหรับคุณ คุณสมบัติที่โดดเด่นที่สุดอย่างหนึ่งของมันก็คือดวงตาสีเขียวที่น่ามหัศจรรย์และลวดลายที่หลากลายที่ทำให้ดวงตาและริมฝีปากของมันดูมีสเน่ห์ยิ่งขึ้นไปอีก แมวทิฟฟานีนั้นมี ห้าสีด้วยกัน ได้แก่ สีดำ น้ำตาล ฟ้า ช็อคโกแลต และไลลัก นักผสมพันธุ์แมวส่วนใหญ่นั้นชื่นชมบุคลิกลักษณะนิสัยของมันที่ได้มาจากบรรพบุรุษจากทั้งสองฝ่าย โดยที่บางตัวนั้นก็มีนิสัยแบบสบายๆเหมือนกับแมวชินชิลล่า ในขณะที่บางตัวก็ชอบออกไปโลดโผนและชอบเรียกร้องความสนใจเหมือนกับแมวเบอร์มีส สำหรับครอบครัว คนที่อยู่ในอพาร์ทเมนต์ คู่รักหนุ่มสาว และคนโสด แมวทิฟฟานีถือได้ว่าเป็นทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับทุกคนเลยทีเดียว นอกจากนี้ มันยังมีนิสัยเหมือนกับแมวเปอร์เซียที่เป็นบรรพบุรุษของมันอีกด้วย ตรงที่มันชอบนอนบนเตียง และคอยสำรวจตัวเองให้ดูดีอยู่ในกระจกอยู่เสมอ แต่แล้วความเป็นแมวเบอร์มีสของมันก็จะตื่นขึ้นมา และมันก็จะอยากออกไปเล่นอย่างสุดเหวี่ยง แมวทิฟฟานีเป็นแมวที่แสนรู้ และมักจะมารอเด็กๆกลับจากโรงเรียนหรือเจ้าของกลับจากที่ทำงานอยู่ที่หน้าประตูบ้าน แต่ระวังนะ เพราะมันจะอยากให้คุณกอดมันหรือไม่ก็เล่นกับมันอย่างทันทีทันใดเลยล่ะ โดยปกติแล้ว แมวทิฟฟานีฝึกง่ายมาก ไม่ค่อยเรียกร้องอะไรมาก และอยู่กับสภาพแวดล้อมส่วนใหญ่ได้ไม่มีปัญหา และถ้าได้รับการดูแลเป็นอย่างดีแล้วล่ะก็ มันจะเป็นเพื่อนคู่ชีวิตของคุณไปอีกนานเลยล่ะ

วันจันทร์ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

วิธีการเลี้ยงดูแลแมวสายพันธุ์ เปอร์เซี่ยน



อาหารและการเลี้ยงดู

          ในเรื่องของอาหารการกินนั้น ควรเลือกอาหารที่ช่วยให้ทางเดินอาหารของแมวไม่อุดตัน เนื่องจากแมวเปอร์เซียจะใช้เวลาส่วนใหญ่ในการเลียทำความสะอาดขน อันเป็นสาเหตุในการกินหรือกลืนเส้นขนเข้าไปเป็นจำนวนมาก หากเส้นขนจะไปรวมตัวกันในช่องท้องจะทำให้แมวเปอร์เซียสำรอกหรือเกิดปัญหาของระบบย่อยอาหารได้





โรคและวิธีการป้องกัน

          โรคที่พบบ่อยใน แมวเปอร์เซีย นั้นส่วนใหญ่จะเป็นโรคที่เกิดขึ้นและถ่ายทอดทางพันธุกรรม เช่น โรคหายใจขัด หอบ หรือ ท่อน้ำตาอุดตัน เป็นต้น นอกจากนี้ แมวเปอร์เซียที่มีสีขาวรวมถึงแมวเปอร์เซียที่มีตาสีฟ้าหรือตาข้างละสีมักมีความผิดปกติตั้งแต่กำเนิด คือ หูหนวก อีกด้วย

           อย่างไรก็ตาม โรคท่อน้ำตาอุดตัน และปัญหาคราบน้ำตา เป็นปัญหาที่พบบ่อยและถูกถามถึงมากที่สุด อาการที่พบ คือ มีน้ำตา ไหลในตาข้างหนึ่ง หรือทั้งสองข้าง ไม่มีอาการหรี่ตา น้ำตาที่ไหลออกมาเป็นน้ำตาใสๆ ร่วมกับมีคราบติดบริเวณร่องจมูก ซึ่งโรคนี้เป็นโรคทางพันธุกรรม เกิดจากการสะสมของแบคทีเรียในท่อน้ำตา เนื่องจากท่อน้ำตาและโพรงจมูกของแมวเปอร์เซียคดไปคดมา 

          เมื่อเจ้าเหมียวของคุณประสบปัญหานี้เข้า การแก้ปัญหาเบื้องต้น ผู้เลี้ยงอาจใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นเคอยเช็ดคราบน้ำตาเป็นประจำ เพราะหากปล่อยไว้จนแห้ง อาจเช็ดไม่ออก หมดสวยหมดหล่อไม่รู้ด้วยนะคะ 

          แต่ถ้าหากมีคราบน้ำตามเยอะและข้นกว่าปกติ อาจต้องใช้ยาป้ายตาร่วมกับการเช็ดคราบน้ำตา หรืออาจพาไปพบสัตวแพทย์เพื่อล้างท่อน้ำตา และทำการรักษาต่อไป