วันพฤหัสบดีที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2561

ประวัติแมวสายพันธุ์กระจอก


ประวัติแมวสายพันธุ์กระจอก

กระจอก เป็นแมวดำลักษณะคล้ายแมวสิงหเสพย์แต่ลำตัวอ้วนกลมน่ารักกว่า ขนดำเป็นมัน มีสีขาวที่รอบปากเท่านั้นส่วนอื่นๆ คล้ายกัน นัยน์ตาสีเหลือง ใครเลี้ยงไว้จะได้ทรัพย์สินเงินทอง เป็นไพร่จะได้กลายเป็นนาย

ลักษณะที่เป็นข้อเด่น

  • ลักษณะสีขน ขนสั้น สีดำ มีขนสีขาว รอบจมูก
  • ลักษณะของส่วนหัว รูปหัวกลมไม่ใหญ่มาก หูใหญ่ ตั้งสูงเด่นบนส่วนหัว
  • ลักษณะของนัยน์ตา นัยน์ตาสีดอกบวบแรกแย้ม (สีเหลืองอมเขียว)
  • ลักษณะของหาง หางยาว ปลายแหลมชี้ตรง โคนหางใหญ่และค่อยๆ เล็กเรียวกลมไปจนสุดปลายหาง ขายาวเรียวได้สัดส่วนกับลำตัว

บทกวีที่เกี่ยวข้องกับแมวกระจอก

มีนามกระจอกนั้นตัวกลม งามนา
กายดำศรีสรรพสมสอดพ้น
ขนขาวเฉกเมฆลมลอยรอบ ปากแฮ
ตาประสมศรีชื้นเปรียบน้ำ รงผสาน

วันพุธที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2561

วิธีการเลี้ยงดูแลแมวสายพันธุ์ "แมววิเชียรมาศ"


วิธีการเลี้ยงดูแลแมวสายพันธุ์   "แมววิเชียรมาศ"


ลักษณะที่เป็นข้อด้อยของพันธุ์

           ขนยาวเกินไป มีแต้มสีไม่ครบทั้ง 9 แห่ง แต้มสีอื่นที่ไม่ใช่สีน้ำตาลไหม้ นัยน์ตาสองข้างเป็นคนละสี หรือเป็นสีอื่นๆ ตาเอียง จมูกหัก หูไม่ตั้ง หางสั้นเกินไป (เมื่อยืนขาหลังให้ขนานกับหาง ความยาวของหางสั้นกว่าขาเกิน 3 นิ้ว) ของขอด หางหงิกงอ หางสะดุด ปลายหางคด ดุเกินไป เลี้ยงลูกไม่ดี




อาหารและการเลี้ยงดู

           ตอนกลางวันควรให้แมวอยู่อย่างอิสระในบ้านหรือนอกบ้านก็ได้ ตอนกลางคืนควรขังรวมกันไว้ในกรง กรงแมวต้องมีขนาดใหญ่ การเลี้ยงแมวในบ้าน แมวจะชอบขับถ่ายในที่ๆมีกลิ่นเหม็นหรือเป็นจุดอับ หากต้องการให้แมวขับถ่ายเป็นที่เป็นทาง ควรเตรียมกระบะทรายหรือขี้เถ้าไว้ในบ้านด้วย สำหรับแมวตัวผู้ที่โตแล้ว จะขับถ่ายไม่เลือกที่

           ส่วนอาหาร แมววิเชียรมาศ เป็นสัตว์กินเนื้อ เป็นนักล่า ดังนั้น อาหารที่ให้ต้องมีคุณค่าทางสารอาหารครบถ้วน ควรให้วันละ 2 มื้อ คือ เช้า และเย็น ส่วนใหญ่จะให้ข้าวคลุกปลาทู ซึ่งมีโปรตีน 20 % ปัจจุบันนิยมให้อาหารสำเร็จรูปมากกว่า สิ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือน้ำสะอาดที่ต้องใส่ภาชนะตั้งไว้


ประวัติแมวสายพันธุ์วิเชียรมาศ “เพชรแห่งดวงจันทร์”


ประวัติแมวสายพันธุ์วิเชียรมาศ “เพชรแห่งดวงจันทร์”


แมววิเชียรมาศ ตรงกับความหมายว่า "เพชรแห่งดวงจันทร์" หรือ "Moon Diamond" บางตำราก็เรียก "แมวแก้ว" ซึ่งก็ตรงกับคำว่า "วิเชียร" แมวชนิดนี้มักถูกเข้าใจผิดว่าเป็นแมวเก้าแต้มเสมอ ที่จริงแล้วไม่ถูกต้อง แมวเก้าแต้มคือแมวที่มีสีพื้นสีขาว และมีแต้มบนร่างกาย 9 แห่ง เหตุที่มักเข้าใจผิดเพราะแมววิเชียรมาศ จะมีสีพื้นสีขาวงาช้าง (หรือโบราณจะเป็นขาวล้วนก็ไม่ทราบ) และมีแต้มที่จมูกครอบไปถึงปากเป็นหนึ่งแห่ง กับขาทั้งสี่ หูสอง หางหนึ่ง และที่อวัยวะเพศอีกหนึ่ง รวมเป็น 9 แห่งเช่นกัน ในแมววิเชียรมาศนี้แต้มตามตำราว่าไว้ว่าต้องเป็นสีดำดังหมึกวาด แต่ปัจจุบันเมื่อดูให้ดีแล้วจะเป็นแต้มสีน้ำตาลเข้มเกือบดำ ไม่ได้ดำสนิท หรือที่ต่างประเทศเรียกว่า Seal brown หรือแต้มสีครั่ง แมววิเชียรมาศเป็นที่รู้จักในต่างประเทศโดยใช้ชื่อว่า แมวสยาม (Siamese Cat) แต่ต่างประเทศจะมีแต้มสีอื่นที่หลากหลายกว่า ซึ่งประเทศไทยจะยอมรับเฉพาะแมวที่มีแต้มสีน้ำตาลเข้มเท่านั้น นัยน์ตาสีฟ้าก็เป็นเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของแมวชนิดนี้
แมววิเชียรมาศ เป็นแมวไทยโบราณที่มักเลี้ยงกันในวัง ตั้งแต่สมัยอยุธยา และเป็นแมวมงคลตามตำรา มักกล่าวว่าแมวมงคลคนธรรมดาสามัญชนไม่สามารถเลี้ยงได้ เมื่อสมัยเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่2 แมวไทย 17ชนิดในพระราชวังของกรุงศรีอยุธา ได้ถูกพวกพม่า และเชลย ได้นำไปพม่า เพราะพม่าคิดว่า แมวไทยคือทรัพย์สินที่มีค่าชนิดนึงเนื่องจากแมวไทยในอยุธยาสามารถซื้อขายได้ถึง 1แสนตำลึงทอง หากใครมีแมวชนิดนี้จึงนำมาขายแก่วัง ซึ่งเป็นต้นเหตุที่ทำให้แมวไทยสูญพันธุ์ หลังจากนั้น แมววิเชียรมาศก็สาบสูญหายไปจากประเทศไทย ต่อมา สมเด็จพุฒาจารย์ พุทธสโร ได้ไปเที่ยวกรุงศรีอยุธยาร้าง แล้วไปเจอสมุดข่อยที่ไม่ถูกเผา จึงนำสมุดข่อยกลับมา แล้วให้คนไปไล่ต้อนจับแมววิเชียรมาศ จนได้แมววิเชียรมาศกลับมาสู่ประเทศไทยอีกครั้ง

ลักษณะที่เป็นข้อเด่น

  • ลักษณะสีขน : ขนสั้นแน่นสีขาว หรือสีน้ำตาลอ่อน มีแต้มสีครั่ง หรือสีน้ำตาลไหม้ที่บริเวณใบหน้า หูทั้งสองข้าง เท้าทั้งสี่ หางและที่อวัยวะเพศ (ทั้งแมวเพศผู้และแมวเพศเมีย) รวม 9 แห่ง ขณะที่อายุยังน้อย หรือเป็นลูกแมว สีขนจะออกสีครีมอ่อนๆ หรือขาวนวล พอโตขึ้นสีจะค่อยๆ เข้มขึ้นตามลำดับจนเป็นสีน้ำตาล (สีลูกกวาด)
  • ลักษณะของส่วนหัว : รูปหัวไม่กลม หรือแหลมเกินไป หน้าผากใหญ่และแบน จมูกสั้น หูใหญ่ ตั้งสูงเด่นบนส่วนหัว
  • ลักษณะของนัยน์ตา : ตามีสีฟ้า
  • ลักษณะของหาง : หางยาว ปลายแหลมชี้ตรง โคนหางใหญ่และค่อยๆ เล็กเรียวกลมไปจนสุดปลายหาง ขายาวเรียวได้สัดส่วนกับลำตัว

ลักษณะที่เป็นข้อด้อย


    ขนยาวเกินไป มีแต้มสีไม่ครบทั้ง 9 แห่ง แต้มสีอื่นที่ไม่ใช่สีน้ำตาลไหม้ นัยน์ตาสองข้างเป็นคนละสี หรือเป็นสีอื่นๆ ตาเอียง จมูกหัก หูไม่ตั้ง หางสั้นเกินไป (เมื่อยืนขาหลังให้ขนานกับหาง ความยาวของหางสั้นกว่าขาเกิน 3 นิ้ว ) หางขอด หางหงิกงอ หางสดุด ปลายหางคด ดุเกินไป เลี้ยงลูกไม่ดี

วันอังคารที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

ประวัติแมวสายพันธุ์เตอร์กิชแวน (Turkish Van)


ประวัติแมวสายพันธุ์เตอร์กิชแวน (Turkish Van)


เตอร์กิชแวน (Turkish Van)

             แมวเตอร์กิชแวนนั้นเป็นแมวสายพันธุ์โบราณที่หายากและมีจุดเด่นที่ชื่นชอบน้ำเป็นพิเศษ แมวเตอร์กิชแวนหรือ “แมวว่ายน้ำ” นั้นมีถิ่นกำเนิดจากบริเวณรอบๆทะเลสาบแวนในประเทศตุรกี โดยพวกมันได้พัฒนาทักษะการว่ายน้ำ เพื่อที่จะว่ายลงไปในบริเวณอ่าวเพื่อไปอ้อนขออาหารจากเรือตกปลาที่กำลังมาเทียบฝั่ง ทุกๆวันนี้ เราสามารถพบแมวสายพันธุ์นี้จำนวนมากได้ในประเทศอิหร่าน อิรัก ทางฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของสหภาพโซเวียต และตุรกีตะวันออก พวกมันถูกนำไปที่ประเทศอังกฤษในปี 1955 และถูกเปลี่ยนชื่อใหม่ให้เป็น เตอร์กิชแวน เพื่อป้องกันไม่ให้สับสนกับแมวสายพันธุ์เตอร์กิชอังการ่า แมวสายพันธุ์นี้เป็นแมวที่รูปร่างยาว กำยำ มีอุ้งเท้าที่มีขนเป็นพู่ๆ มีหัวสั้นทรงรูปลิ่มและมีจมูกตรงยาว นอกจากนี้ ด้วยความที่มันเป็นนักว่ายน้ำตัวยง ขนของมันจึงกันน้ำได้ แต่ก็ต้องได้รับการตกแต่งขนบ้าง แม้ว่าน้องเหมียวจะผลัดขนเยอะมากในช่วงฤดูร้อน แต่หางของมันก็จะสวยงามเป็นพุ่มๆไปตลอดทั้งปี นอกจากนี้พวกมันยังชื่นชอบน้ำเป็นพิเศษ และจะมาร่วมกิจกรรมครอบครัวต่างๆที่เกี่ยวกับน้ำอย่างไม่ลังเลเลย ไม่ว่าจะเป็นการล้างรถ ล้างจาน หรือแม้แต่อาบน้ำ! แม้ว่าน้องเหมียวเตอร์กิชแวนจะค่อนข้างขี้อายกับคนแปลกหน้า แต่พวกมันก็รักเจ้าของมาก พวกมันมีเสียงเบา กินได้เยอะ และมีนิสัยแบบสบายๆ ซึ่งทำให้มันปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ต่างๆได้อย่างง่ายดาย



วันจันทร์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

ประวัติแมวสายพันธุ์Ashera

             
              ประวัติแมวสายพันธุ์Ashera


ราคา 120,000 เหรียญ 
ประมาณ 4,186,400 บาท 

ประวัติแมว Ashera
        แมวอาชีร่าเป็นแมวสายพันธุ์ใหม่ที่ถูกคิดค้นและผสมพันธุ์ขึ้นโดยบริษัท แคลิฟอร์เนีย ไบโอเทค ซึ่งได้นำเอาแมวป่าแอฟริกัน (African Surval) กับแมวเสือดาวเอเชีย (Asian Leopard Cat) และแมวบ้าน มาผสมพันธุ์กันจนได้แมวที่มีหน้าตาดุดันคล้ายเสือดาวแต่ตัวเล็กกว่า แต่กระนั้นก็สูงกว่าแมวบ้านทั่วไป
ลักษณะแมว Ashera
        แมวอาชีร่า รูปร่างคล้ายกับแมวบ้านทั่ว ๆ ไป แต่ตัวใหญ่กว่าและมีลักษณะคล้ายกับเสือดาว ถ้ามันยืน เท้า จะสูงถึง 120 เซนติเมตร มีอายุเฉลี่ยประมาณ 25 ปี น้ำหนักสูงสุดประมาณ 13 กิโลกรัม
อุปนิสัยแมว Ashera
        แมวอาชีร่า เป็นแมวที่เลี้ยงง่ายมาก เป็นมิตรมาก ไม่หนีหน้าไปไหน แถมยังร้องเหมียว ๆ อ้อนอยู่บ่อย ๆ และที่เด็ดสุด คือเปิดประตูก็ได้และยังผูกสายจูงให้เจ้านายพาไปเดินเล่นได้อีกต่างหาก มันจึงเหมือนสุนัขมากกว่าอะไรทั้งหมด

วันอาทิตย์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

วิธีการเลี้ยงดูแลแมวสายพันธุ์ขาวมณี


วิธีการเลี้ยงดูแลแมวสายพันธุ์ขาวมณี


อาหารลูกแมว ::
ควรให้ลูกแมวอยู่กินนมแม่ไปตลอดจนกว่าจะหย่านมไปเอง ไม่ควรให้ลูกแมวหย่านมเมื่ออายุต่ำกว่า 45 วัน เพราะจะทำให้สุขภาพของแมวไม่สมบูรณ์ในภายหลังได้ อย่างไรก็ตามหลังจากหย่านมยังเป็นอาหารที่สำคัญและจำเป็นต่อลูกแมวอยู่จนกว่าอายุจะเ
ยเก้าเดือนไปแล้ว อาหารอย่างอื่นจึงจะสำคัญและจำเป็นกว่า แต่ควรให้แมวกินนมวันละครั้งหรือเป็นครั้งคราว และต้องคอยสังเกตว่าแมวมีอาการท้องร่วงท้องเสียจากการกินนมหรือไม่ ถ้ามีควรงด ลูกแมวอายุประมาณ 3 เดือนควรตั้งต้นให้กินอาหารเนื้อได้แล้ว แต่ควรเป็นเนื้อที่สับละเอียดและให้เพียงเล็กน้อย ลูกแมวอายุ 5 ถึง 7 อาทิตย์แล้วแม่แมวให้นมลูกควรจัดให้กินวันละ 4 มื้อ พออายุ 7 ถึง 12 อาทิตย์ลดลงเหลือ 3 มื้อ ถ้าลูกแมวกำพร้าโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ยังไม่หย่านม ต้องการการดูแลอย่างใกล้ชิด หากไม่สามารถนำไปให้กินนมแม่แมวตัวอื่นได้ก็ต้องชงนมให้กินแทนนมแม่ ซึ่งควรระวังเกี่ยวกับความสะอาดและคุณภาพของนมเป็นสิ่งสำคัญ เพราะอาจทำให้ลูกแมวเกิดติดเชื้อจากนมที่สกปรกนมบูด ทำให้ท้องร่วงถึงตายได้ นมที่ใช้เลี้ยงลูกแมวกำพร้าอาจใช้นมผงเลี้ยงทารก นมวัวสด หรือนมสดยู.เอช.ที ผสมน้ำและวิตามิน นำมาอุ่นอุณหภูมิประมาณ 98-100 องศาฟาเรนไฮท์ หรือ อังพออุ่นมือจับได้กรอกใส่ขวดยางป้อนลูกแมว 

:: อาหารแมวโต ::
ลูกแมวที่กำลังโตหรือหย่านมแล้วผู้เลี้ยงสามารถจัดอาหารให้กินน้อยลงได้ คือให้วันละ 3 มื้อเท่า ๆ กับคนและเมื่อโตเต็มที่เป็นแมวหนุ่มที่อาจลดจำนวนอาหารเหลือเพียง 2 มื้อ คือเช้าและเย็นก็พอ ที่สำคัญคือควรฝึกให้แมวกินอาหารเป็นเวลา ไม่ควรทิ้งอาหารไว้ในจานให้แมวกินตลอดทั้งวัน เพราะเป็นการเสียนิสัย อาหารอาจมีแมลงวันตอมนำเชื้อโรคมาให้ หรืออาหารบูดเสีย ทำให้แมวท้องร่วงได้ 

:: อาหารแมวท้อง ::
อาหารที่ใช้เลี้ยงแมวกำลังตั้งท้องนั้นจะต้องมีคุณภาพสูง โปรตีนมาก ไขมันน้อย ขนาดและปริมาณที่ใช้ใน 5 ถึง 6 อาทิตย์แรกของการตั้งท้องพอ ๆ กับใช้เลี้ยงดูแมวโตเต็มวัยประจำวัน แต่จะเพิ่มปริมาณอาหารให้มากขึ้นตามน้ำหนักตัวแมวในระยะ 3 อาทิตย์สุดท้ายก่อนคลอด คือเพิ่มอาหารให้ปริมาณ 10 ถึง 20 เปอร์เซ็นต์ ก่อนคลอด 1 ถึง 2 วัน แม่แมวบางตัวมักไม่ค่อยกินอาหารหรือไม่กินเลยเพราะมัวตั้งหน้าตั้งตาหาสถานที่หรือกั
วลอยู่กับลังคลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งแม่แมวสาวท้องแรกแต่ถือเป็นเรื่องปกติ หลังคลอดลูกแล้วก็จะกินอาหารเอง ข้อพึงระวังคืออย่าขุนจนแมวอ้วนเกินไปทำให้คลอดลำบาก หรือคุมอาหารเสียจนผอมไปไม่มีแรงเบ่งในการคลอด หลังจากคลอดแล้ว แม่แมวก็กลายเป็นแมวแม่ลูกอ่อน ซึ่งอาหารที่ใช้เลี้ยงแมวในช่วงนี้ไม่ได้ให้เฉพาะแต่แม่เท่านั้น มันต้องถ่ายทอดไปยังลูกแมวด้วยโดยการเปลี่ยนเป็นน้ำนม ฉะนั้นปริมาณอาหารที่แม่แมวกินจะต้องมีปริมาณเพียงพอเหมือนช่วงตั้งท้อง 

:: อาหารแมวแก่ ::
แมวแก่แมวสูงอายุ ร่างกายย่อมต้องการพลังงานน้อยลงจึงไม่ต้องการอาหารมากนัก เพราะถ้ากินมากก็รังแต่ละทำให้มีน้ำหนักตัวมากหรืออ้วนเกินไป ซึ่งควรให้อาหารน้อยลง โดยหลักการแล้วอาหารสำหรับแมวแก่ต้องย่อยง่าย วิตามิน เนื้อที่ไม่มีผังผืด อาหารที่ไม่มีไขมันหรือน้ำตาลที่จะทำให้อ้วน พวกแป้ง วิตามิน รวมทั้งแร่ธาตุต่าง ๆ เพื่อบำรุงร่างกายปริมาณที่ให้ก็ไม่ควรมากเกินไป เพราะแมววัยนี้แล้วไม่กกระฉับกระเฉง การวิ่งเล่นออกกำลังกายย่อมน้อยลงตามอายุ กินกินนอนนอนไม่ได้ใช้พลังงานมากนัก ระบบย่อยอาหารและขับถ่ายเริ่มย่อนประสิทธิภาพ ฉะนั้นอาหารที่กินเข้าไปมาก ๆ นอกจากจะไม่ก่อให้เกิดประโยชน์แล้วยังทำให้เกิดโทษ เช่น แน่นท้องและท้องอืดได้ 

:: ชนิดของอาหาร ::
การเลี้ยงแมวตามบ้านคนส่วนใหญ่ ซึ่งเจ้าของมีฐานะความเป็นอยู่แบบไทย ๆ ทำให้แมวเป็นสัตว์ที่กินง่าย เจ้าของแมวส่วนมากมักเลี้ยงแมวด้วยอาหารในครัว อาจเป็นปลาคลุกกับข้าว หรือไข่ต้มหรือน้ำแกงจืด ซึ่งแมวก็อยู่ได้ แต่ถ้าเลี้ยงกันดีเป็นพิเศษหรือเข้าอกเข้าใจแมว อาจมีการเสริมอาหารประเภทเนื้อ นม เสริมให้กิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าของที่มีฐานะดีหรือเลี้ยงแมวตามหลักการ อาหารการกินก็เปลี่ยนไปเป็นอาหารคุณภาพ ซึ่งก็เป็นผลดีแก่ตัวแมวและเจ้าของดังที่ได้กล่าวมาแล้ว สำหรับชนิดของอาหารแมวนั้น สามารถแบ่งออกได้ 3-4 ประเภท ไม่ว่าจะเป็นอาหารที่เราซื้อหามาปรุงเอง อาหารสำเร็จหรืออาหารสำเร็จรูป ซึ่งอาหารเหล่านี้ก็แตกต่างกันไปในแง่ของรสชาติ คุณภาพ ราคาและคุณค่าของอาหาร ผู้เลี้ยงสามารถเลือกใช้ได้ตามความเหมาะสม

:: อาหารปรุงเอง ::
การปรุงอาหารขึ้นเองสำหรับให้แมวกินตามบ้านเป็นเรื่องปกติสำหรับการเลี้ยวแมวทั่ว ๆ ไป แต่ถ้าต้องการให้อาหารถูกส่วนถูกกับความต้องการของแมวโดยซื้อมาปรุงให้ตามสุตร ต้องเข้าใจถึงหลักโภชนาการมาก่อนจึงทำได้เพราะเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยุ่งยากและค่อนข
างละเอียด เราะต้องคำนวณทั้งอัตราส่วนและปริมาณของสารอาหารที่เหมาะสมตรงตามความต้องการของแมวใ
แต่ละวัย นอกจากนี้อาหารที่ปรุงเองก็ยังมีรสชาติไม่แน่นอน เช่น เค็มหรือหวาน รสชาติอาจไม่ถูกปากแมว อาจจะมีไขมันมาก ถ้าใส่ข้าวมากก็จะขาดวิตามิน ถ้าใส่เนื้อมากเกินไปก็จะได้รับโปรตีนเกินความจำเป็น ทำให้ย่อยยากกระเพาะต้องทำงานหนัก สิ่งเหล่านี้ต้องคำนึง 

:: อาหารสด ::
เป็นอาหารผสมเสร็จ มักพบในตู้แช่แข็งตามซุปเปอร์มาร์เก็ต อาหารสดผสมเสร็จนี้บางชนิดก็มีคุณค่าทางอาหารครบ แต่บางชนิดก็ไม่ครบ เวลาที่จะให้แมวต้องปรุงให้สุกเสียก่อน ราคาจะถูกกว่าอาหารสำเร็จรูปชนิดอื่นเล็กน้อย แต่มีข้อเสียคือต้องเก็บไว้ในช่องแช่แข็งตลอดเวลาเพราะเป็นอาหารสดจึงเสียง่าย ต้องซื้อบ่อย ๆ และนอกจากนี้อาหารผสมเสร็จยังมีคุณค่าทาง
อาหารน้อยกว่าอาหารสำเร็จรูป

ประวัติแมวสายพันธุ์ขาวมณี


ประวัติแมวสายพันธุ์ขาวมณี


ต้นกำเนิดขาวมณี

            ต้นกำเนิดแมวขาวมณีที่เป็นหลักฐานอย่างชัดเจนนั้นไม่มีบอกไว้ว่ามีขึ้นตั้งแต่เมื่อไร แต่เริ่มพบเห็นได้มากในตอนต้นยุครัตนโกสินทร์ของเรานี่เอง ข้อสันนิษฐานของผู้เขียนเกี่ยวกับแมวขาวมณีนั้นก็คือแมวไทยบ้านๆ ของเราหรือแมวที่ติดมากับเรือสำเภาจีน ที่พ่อค้าขาวจีนที่เดินทางเข้ามาค้าขายในสยามประเทศสมัยนั้นเลี้ยงไว้บนเรือเพื่อจับหนู แต่มีความพิการของต่อมสร้างเม็ดสี กล่าวคือต่อมสร้างเม็ดสีไม่อาจใช้การได้ ไม่สามารถสร้างสีสันหรือลวดลายได้ จึงทำให้ขนแมวเป็นสีขาวทั้งตัว แต่ลักษณะด้อย ดังกล่าวนั้นนั้นกลับกลายเป็นจุดเด่นที่ทำให้คนไทยตั้งแต่ตอนต้นสมัยรัตนโกสินทร์นิยมเลี้ยงกันเรื่อยมานับแต่บัดนั้น เพราะสีขาวนั้นสำหรับคนไทยเป็นสีที่สะอาดและเป็นมงคล จึงแพร่หลายและได้รับความนิยมสืบเนื่องมาโดยตลอด ซึ่งแมวขาวมณีนั้นเป็นแมวที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงโปรดปรานมากเป็นพิเศษถึงขั้นส่งเสริมให้มีการเลี้ยงอย่างแพร่หลายทั้งในวัง และข้าราชบริหาร ขุนนางน้อยใหญ่

ลักษณะของแมวขาวมณี

            เรื่องที่เด่นและเป็นเรื่องที่ทุกคนให้ความสนใจเกี่ยวกับแมวขาวมณี นอกจากสีขนที่ขาวสะอาดแล้ว คงเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากสีของนัยน์ตาแมวแมวขาวมณีนั้นมีทั้งตาสีฟ้า สีเหลืองอำพันและตาสองสี คือ ฟ้าข้าวหนึ่งและเหลืองอีกข้างหนึ่ง โดยแมวที่มีตาสองสีนั้นเกิดจากพ่อและแม่แมวมีสีนัยน์ตาที่ต่างกัน ทำให้ลูกที่เกิดมาในครอกหนึ่ง ๆ นั้นมีโอกาสจะมีลักษณะตาสองสีหลุดออกมาบ้าง ซึ่งตาสองสีนี้เป็นที่นิยมในหมู่ผู้เลี้ยงแมวเป็นอย่างมาก ถือว่าเป็นที่ต้องการของตลาดมากกว่าตาสีเดียว จนทำให้มีผลต่อราคาค่าตัวของแมวขาวมณีที่ดีตาสองสีเป็นเท่าทวีคูณ ซึ่งราคาที่ซื้อขายกันจริงที่ผู้เขียนเคยทราบมาคือหลายหมื่นบาท

            ในการประกวดนั้น จากประสบการณ์ของผู้เขียน และการแลกเปลี่ยนความรู้กับผู้คร่ำหวอดในวงการการประกวดแมวไทยมานานนั้น ที่จริงแล้ว แมวตาสองสีจะได้เปรียบแมวตาสีเดียวนิดหน่อยครับ ในกรณีที่สีตาเสมอกัน คือมีความเข้มชัดเจนของสีลูกนัยน์ตาเท่าๆ กัน แมวตาสองสีจะชนะครับ ถ้าส่วนอื่นสมบูรณ์เท่าๆ กัน แต่ถ้าแมวตาสองสีเป็นโทนสีที่ซีด ไม่เข้มสดแมวตาสองสีก็แพ้แมวตาสีเดียวที่มีตาสีฟ้าเข้มหรือตาสีเหลืองสดใสได้ครับ และเรื่องที่สำคัญที่ผู้นิยมแมวขาวมณีบางท่านอาจจะไม่เคยรู้เลยก็คือ แมวขาวมณีตาสีฟ้านั้นมีโอกาสที่จะหูจะหนวกสูงมาก โดยจะเป็นทั้งสองข้างลองสังเกตได้จากเสียงร้องที่ดังผิดปกติของเขานั่นเอง ส่วนแมวตาสองสีก็จะมีหูหนวกหนึ่งข้างคือข้างที่ลูกนัยน์ตาเป็นสีฟ้านั่นเอง

จุดเด่นของแมวขาวมณี

            มีขนที่สั้นเกรียนและนุ่มลื่น เป็นสีขาวปลอดทั้งตัวไม่มีสีอื่นใดเจือปน

            หัวต้องใหญ่กลมเป็นเหมือนรูปหัวใจ ในบรรดาแมวไทย แมวขาวมณีหัวใหญ่ที่สุด

            หางยาว ปลายหางต้องแหลมชี้ตรง โคนหางใหญ่และค่อยๆ เล็กลงไปถึงตอนปลาย


  แมวขาวมณีกับวงการแมวในระดับสากล

            ตอนนี้แมวขาวมณีของไทยเริ่มได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในระดับโลก โดยแหล่งใหญ่ที่สุดในตอนนี้คือประเทศอังกฤษและประเทศในแถบยุโรป ซึ่งมีสมาคมแมวที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากลคือ TICA นั้นได้อนุญาตให้ขึ้นทะเบียนแมวขาวมณีเป็นแมวพันธุ์แท้ และจัดให้มีการประกวดในระดับสากลแล้ว ส่วนอีกค่ายที่มีอิทธิพลในวงการแมวโลกก็คือ CFA นั้นก็เปิดช่องว่าถ้ามีฟาร์ม 5 แห่ง แจ้งเสนอชื่อเป็นผู้เพาะพันธุ์แมวขาวมณี เขาก็จะเปิดโอกาสให้เราขึ้นทะเบียน และมีโอกาสที่จะบรรจุลงในสายพันธุ์แมวที่เข้าร่วมประกวดได้เช่นกัน 

             โดยแมวขาวมณีจากเมืองไทยตอนนี้กำลังเริ่มเป็นที่นิยมจากขาวต่างชาติมาก ผู้เขียนมองว่าตรงนี้เป็นโอกาสที่คนไทยที่นิยมแมวและเลี้ยงแมว น่าจะหันมามองและสนใจศึกษาแมวขาวมณีอย่างจริงจังกันสักที เพราะนอกจากรักแมว ได้มีความสุขกับการเลี้ยงแมวแล้ว ก็อาจจะมีรายได้เสริมจากการเลี้ยงแมวเพิ่มมาอีกทางหนึ่งก็ได้นะครับ อย่างนี้ผู้เขียนเรียกว่าสุขคูณสองครับ

วันศุกร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

วิธีการเลี้ยงดูแลแมวสายพันธุ์แมวสีสวาดหรือแมวโคราช (Korat cat)


วิธีการเลี้ยงดูแลแมวสายพันธุ์แมวสีสวาดหรือแมวโคราช (Korat cat)


อุปนิสัย   แมวโคราชมีนิสัยที่แตกต่างจากแมวสายพันธุ์อื่นอย่างเห็นได้ชัด แมวโคราชจะมีนิสัยค่อนข้างฉลาด จำแม่น ขี้ประจบ ถ้าหากเรานำแมวโคราชไปปล่อยในต่างสถานที่ แมวฯ สามารถที่จะกลับมาที่บ้านของตัวได้ มีนิสัยคล้ายสิงห์โต จะสร้างอาณาจักรของตัวเองโดยการฉี่รอบสถานที่อยู่อาศัย แมวต่างถิ่นที่เป็นตัวผู้จะไม่ให้กล้ำกลายเข้ามา ยกเว้นตัวเมีย ตัวเมียถ้าหากอยู่รวมกันเป็นฝูงจะแบ่งชั้นวรรณะกัน ถ้าหากเราให้อาหารรวมกัน ตัวที่เป็นจ่าฝูงจะกินอาหารก่อน และไล่รองลงมา แต่การเลี้ยงลูกกลับมีนิสัยเหมือนสิงห์โต ตัวเมืองจะช่วยกันเลี้ยงลูก แมวถึงแม้ไม่ใช่ลูกของตัวเอง แม้แต่อาหารก็จะให้ลูกแมวกันก่อนแล้วค่อยกินทีหลัง แม่แมวจะฝึกลูกของตัวเองในการดำรงชีพ และป้องกันตัวโดยการสัตว์เล็กมาให้หยอกเล่นเป็นการฝึกการหาอาหารและป้องกันตัวเอง แมวโคราชมีนิสัยที่จะเจ้าของแม่นมาก ถ้าคนแปลกหน้าเข้ามาจะไม่ไว้วางใจหรืออาจจะขู่เลย แต่ถ้าเป็นเจ้าของจะวิ่งมาเคล้าแข้งเคล้าขา ประจบสอพลอ


การดูแล  แมวสีสวาด มีอายุขัยประมาณ 10-15 ปี ใกล้เคียงกับสุนัข และใช้เวลาการตั้งท้องประมาณ 63 วัน คลอดลูกครั้งละ 1-7 ตัว แต่ส่วนมากจะคลอดลูกประมาณ 4 ตัว สำหรับวิธีการเลี้ยงดูหากเลี้ยงที่บ้านปกติควรดูแลเรื่องการให้ยาถ่ายพยาธิและการฉีดวัคซีนมากเป็นพิเศษ  โดยยาถ่ายพยาธิควรให้เป็นระยะ ๆ ประมาณ 3 เดือนต่อ 1 ครั้ง และฉีดวัคซีน 3 ชนิด ปีละ 1 ครั้ง ประกอบด้วย วัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้า วัคซีนป้องกันหัดแมว และวัคซีนป้องกันลิวคีเมียร์(โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว โรคที่นางเอกเกาหลีมักเป็นตอนจบ = ='') ซึ่งลิวคีเมียร์เป็นโรคแมว ลักษณะเป็นไวรัสชนิดหนึ่ง หากเป็นแล้วมักไม่มียารักษา จึงต้องฉีดยาป้องกันไว้ก่อน แค่นี้แมวสีสวาดก็จะมีอายุยืนยาวอยู่กับเราได้นาน ๆ

         สำหรับราคาของเจ้าแมวโคราชหรือแมวสีสวาดก็เริ่มต้นที่ 2,000 บาทขึ้นไปและมีราคาสูงถึงหลักแสนเลยก็ว่าได้  เพราะคนไทยถือว่าแมวพันธุ์นี้เป็นแมวมงคล ยิ่งมีลักษณะตรงตามตำราละก็ยิ่งทำให้ราคาสูงเข้าไปใหญ่  สำหรับใครสนใจแมวพันธุ์นี้ก็หามาเลี้ยงสักตัวนะคะ  ถือว่ช่วยกันอนุรักษ์แมวไทยให้คงงอยู่ไปโดยไม่สูญหายกันด้วยค่ะ


ประวัติแมวสายพันธุ์สีสวาดหรือแมวโคราช (Korat cat)


ประวัติแมวสายพันธุ์สีสวาดหรือแมวโคราช (Korat cat)


แมวพันธุ์สีสวาด (Silver blue)

           แมวสีสวาดหรือบางคนอาจเรียกว่าแมวโคราชเป็นที่นิยมเลี้ยงในไทยกันเป็นอย่างมากเพราะถือว่าเป็นแมวที่เป็นมงคลให้โชคลาภ  อยากจะรู้จักกับแมวพันธุ์นี้ให้มากขึ้นไหมคะ งั้นมาศึกษากันเลย
  •  ถิ่นกำเนิด  จากประเทศไทย พบที่อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา(โคราช) ชื่อแมวโคราช เป็นชื่อที่ได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย โดยใช้แหล่งกำเนิดของแมวเป็นชื่อเรียกพันธุ์แมว มีเรื่องเล่ามากมายหรือเป็นตำนานเล่าขานเกี่ยวกับแมวโคราช รวมถึงตำนานพื้นบ้านที่กล่าวถึงการที่แมวโคราชมีหางหงิกงอมากเท่าไหร่จะมีโชคลาภมากเท่านั้น แต่คนไทยบางกลุ่มจะเรียกแมวโคราชว่า แมวสีสวาด
ลักษณะ     

ลักษณะที่เป็นข้อเด่น
ลักษณะสีขน  ขนสั้น สีสวาด (silver blue) ทั่วทั้งตัวและเป็นสีสวาดตั้งแต่เกิดจนตาย
ลักษณะของส่วนหัว : หัวเมื่อดูจากด้านหน้าจะเป็นรูปหัวใจ หน้าผากใหญ่และแบน หูตั้ง ในแมวตัวผู้หน้าผากมีรอยหยักทำให้เป็นรูปหัวใจเด่นชัดมากขึ้น หูใหญ่ตั้ง ปลายหูมน โคนหูใหญ่ ผิวหนังที่บริเวณจมูกและริมฝีปากสีเงิน หรือม่วงอ่อน
ลักษณะของนัยน์ตา : นัยน์ตาสีเขียวสดใสเป็นประกาย หรือสีเหลืองอำพัน ขณะยังเป็นลูกแมวตาจะเป็นสีฟ้า เมื่อโตขึ้นจะค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีเหลืองสด และเมื่อเติบโตเต็มที่ตาจะเปลี่ยนเป็นสีเขียวใบไม้ หรือสีเหลืองอำพัน
ลักษณะของหาง  หางยาว ปลายแหลมชี้ตรง โคนหางใหญ่และค่อย ๆ เล็กเรียวกลมไปจนสุดปลายหาง ขายาวเรียวได้สัดส่วนกับลำตัว

           คนสมัยโบราณมีความเชื่อว่า แมวสีสวาดเป็นแมวนำโชคลาภของคนโคราช และคนเลี้ยงทั่ว ๆ ไป จะนำมาซึ่งความสุขสวัสดิมงคลแก่ผู้เลี้ยง แมวสีสวาดเคยประกวดชนะเลิศในระดับโลกมาแล้วในปี พ.ศ. 2503 ที่สหรัฐอเมริกา เป็นแมวตัวเมียชื่อว่าสุนัน และเป็นที่นิยมของชาวต่างประเทศมาก จึงนับว่าแมวไทยได้ทำชื่อเสียงให้แก่ประเทศไทยเป็นอันมาก

 ลักษณะที่เป็นข้อด้อย
ขนยาวเกินไป มีสีอื่นปน นัยน์ตาสองข้างเป็นคนละสี หรือเป็นสีอื่น ตาเอียง จมูกหัก หูไม่ตั้ง หางสั้นมากเกินไป (เมื่อยืดขาหลังให้ขนานกับหาง ความยาวของหางสั้นกว่าขาเกิน 3 นิ้ว) หางขอด หางหงิกงอ หางสะดุด ปลายหางคด ดุเกินไป เลี้ยงลูกไม่ดี

วันพฤหัสบดีที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

วิธีการดลี้ยงดูแลแมวสายพันธุ์เดวอนเรกซ์ (Devon Rex)


วิธีการดลี้ยงดูแลแมวสายพันธุ์เดวอนเรกซ์ (Devon Rex)


เมื่อโตเต็มวัยเดวอน เร็กซ์ จะมีขนาดกลาง แม้ว่าศรีษะจะดูมีขนาดใหญ่และอกกว้าง เพศผู้มีแนวโน้มกระดูกขนาดกลางและเพศเมียมีกระดูกที่บางกว่า ดังนั้นเพศผู้จึงมีขนาดใหญ่กว่าเพศเมียอย่างเห็นได้ชัด
เดวอน เร็กซ์ มีรูปร่างไม่ปกติคือ ศรีษะเป็นรูปสามเหลี่ยม และจมูกงุ้มใต้ตา ดวงตากลมใหญ่อยู่ใต้ศรีษะในแนวกว้าง หูกางเหมือนผีเสื้อเมื่อมองทั้งใบหน้าแล้วทำให้แมวพันธุนี้ดูเหมือนภูตตัวเล็ก หรือเอลฟ์ 
ขนของเดวอน เร็กซ์ไม่ปกติ บางตัวไม่มีขนโดยเพราะอย่างยิ่งบริเวณที่เขาสามารถเลียถึง ขนเปราะบางมาก การแปรงขนอาจสามารถทำให้ขนหลุดร่วงออกทั้งหมดได้ เคราของเดวอนจะค่อยๆหลุดได้เพราะความเปราะบางเช่นกัน

ลักษณะนิสัย: 

เดวอน เร็กซ์ เป็นแมวที่กระตือรือล้นมีพลังงานมาก เขาเป็นตัวตลกตัวน้อยที่จะช่วยผู้ดูแลหัวเราะได้จากกิริยาอาการขี้เล่น ซึ่งทำให้เดวอนคาดหวังที่จะได้รับความเอาใจใส่เป็นรางวัลพร้อมการลูบ

อาศัยกับ: 

เดวอน เร็กซ์ เป็นนักกระโดดชั้นดี จึงควรจัดเตรียมที่นอนและทีสำหรับปีนป่ายเพื่อการออกกำลังกาย นอกจากนี้เขายังชอบทางอาหารมากจึงควรควบคุมด้านโภชนาการ
เดวอนชอบที่อบอุ่นใต้แสงแดด จึงควรที่จะจัดที่สำหรับให้ความอบอุ่นในหน้าหนาว ไม่ควรแปรงขนให้เดวอนเพราะอาจทำให้ขนหลุดร่วงได้ ควรเช็กด้วยผ้าเบาก็เพียงพอสำหรับการดูแลรักษาความสะอาด


ประวัติแมวสายพันธุ์เดวอนเรกซ์ (Devon Rex)


ประวัติแมวสายพันธุ์เดวอนเรกซ์ (Devon Rex)



ประวัติ: 

เมื่อคอร์นิช เร็กซ์ ได้เริ่มเปิดตัวแสดงในประเทศอังกฤษ พวกเขาเป็นที่อยากรู้จักและได้ปรากฎรูปในหนังสือพิมพ์หลายฉบับ หญิงผู้หนึ่งอาศัยในเดวอน มีชื่อว่า Beryl Cox ได้เห็นภาพหนึ่งเข้า และให้ความสนใจเนื่องจากเธออาศัยอยู่ให้กับเมืองดีบุกซึ่งมีแมวอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แมวเหล่านี้มีขนเป็นลอนเช่นกัน Cox มีลูกแมวที่มีขนลักษณะเดียวกัน แม้ว่าแม่ของมันจะเป็นแมวขนตรงในฟาร์ม แต่ลูกแมวกับมีขนหยิก เธอจีงคืดว่านี้อาจเป็นผลาจากเหมือนดีบุก แมวตัวนี้นี้ชื่อว่า Kirlee และเรื่มชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักในนามของสายพันธุ์เดวอน เร็กซ์
ในช่วงแรกนักดูแลสายพันธุ์คิดว่าขนของคอร์นิช เร็กซ์ และเดวอน เร็กซ์ อาจจะเกี่ยวข้องกันและสามารถผสมพันธุ์กันได้ แต่ภายหลังความพยายามในการผสมพันธุ์ผลที่ออกมาจะได้เป็นลูกแมวขนตรง ดังนั้นขนของทั้งสองจึงเป็นลักษณะเฉพาะของแต่ละสายพันธุ์

เดวอนเรกซ์ (Devon Rex)

             เจ้าเหมียวเดวอนเรกซ์นั้นแตกต่างสุดขั้วกับสายพันธุ์อื่นๆ และเป็นเหมือนกับ “เอเลียน” ในโลกแมวเหมียว ด้วยความที่พวกมันมีขนสั้นและใบหน้าที่มีแก้มใหญ่ ในขณะที่ใบหูของพวกมันอยู่ในระดับต่ำเหมือนกับค้างคาวพร้อมด้วยรูปร่างที่ดูสมส่วนกำลังพอดี แต่ก็อย่าได้คิดเชียวล่ะว่าสิ่งเหล่านี้ทำให้แมวสายพันธุ์นี้ไม่มีเสน่ห์ เพราะพวกมันนั้นมีนิสัยซุกซน ขี้แกล้ง ราวกับเป็นภูตพิกซี่แปลงตัวมาเลยล่ะ! แมวสายพันธุ์นี้ถูกค้นพบเป็นครั้งแรกในเมืองเดวอน ประเทศอังกฤษในปี 1960 ใกล้กับเขตคอร์นวอลซึ่งเป็นที่ที่ลูกแมวคอร์นิชเรกซ์ตัวแรกได้ถือกำเนิดขึ้นในปี 1950 แมวสายพันธุ์เดวอนเรกซ์นั้นเป็นแมวที่เฉลียวฉลาดและชอบเข้าสังคม ซึ่งทำให้มันน่ารักและเหมาะจะเป็นสัตว์เลี้ยงคู่ใจของคุณ ถ้าได้เลี้ยงแมวเดวอนเรกซ์ คุณก็เหมือนกับได้เพื่อนไปตลอดชีวิตคุณเลยนั่นแหล่ะ! พวกมันจะสั่นหางเวลาดีใจ ซึ่งก็บ่อยอยู่แล้ว และพวกมันยังกระตือรือร้น ว่องไว และอยากรู้อยากเห็นไปเสียทุกเรื่อง สิ่งเหล่านี้ยิ่งทำให้นิสัยของมันเหมือนกับบรรดาภูติพิกซี่ไปกันใหญ่ นอกจากนี้พวกมันยังเหมาะกับการเป็นสัตว์เลี้ยงสำหรับผู้ที่แพ้ขนสัตว์หรือเป็นภูมิแพ้อีกด้วยเพราะขนของมันมีลักษณะคล้ายขนของสุนัขพุดเดิ้ลซึ่งไม่ค่อยมีสารที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้เสียเท่าไหร่ และยังไม่ต้องดูแลอะไรมากอีกด้วย เพราะขนพวกมันก็ไม่ค่อยร่วงนัก สิ่งเหล่านี้จึงทำให้พวกมันเหมาะแก่การเป็นสัตว์เลี้ยงสำหรับผู้ที่เป็นภูมิแพ้เป็นอย่างมาก และด้วยความที่ขนของมันไม่ต้องดูแลมาก คนเลี้ยงจึงไม่จำเป็นต้องหามาตรการป้องกันหรือดูแลขนเหมือนกับขนแมวโดยทั่วไป

วันพุธที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

ประวัติแมวสายพันธุ์สิงหปุระ (Singapura)


ประวัติแมวสายพันธุ์สิงหปุระ (Singapura)


สิงหปุระ (Singapura)

ตามท้องถนนในประเทศสิงคโปร์นั้น ถือได้ว่าเป็นถิ่นกำเนิดของแมวสายพันธุ์ที่แสนวิเศษสายพันธุ์นี้ ชื่อของมัน สิงหปุระ นั้นเป็นคำที่คนมาเลเซียใช้เรียกประเทศสิงคโปร์ แมวสิงหปุระนั้นมีลวดลายที่ผสมผสานกันระหว่างลายเส้น (ticked-coat) และสีน้ำตาลเข้มของสายพันธุ์แมวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในปัจจุบันนี้ การพัฒนาแมวสายพันธุ์นี้อย่างระมัดระวังได้ทำให้เกิดความหลากหลายของแมวตระกูลนี้เพิ่มขึ้นแต่ก็ยังคงเป็นสายพันธุ์ที่เป็นที่ต้องการอยู่ น้องเหมียวสายพันธุ์นี้สามารถพบได้ในเกือบทุกประเทศในโลก บางครั้งเจ้าของของมันก็ชอบมองว่ามันเป็น “เจ้าเหมียวชอบวางอำนาจ” พวกมันชอบอยู่ร่วมกับคนอื่น ช่างอยากรู้อยากเห็น และยังขี้เล่นมาก แต่ไม่ต้องห่วงนะ เพราะพวกมันไม่ทำลายข้าวของ อย่างน้อยก็ไม่ได้ตั้งใจทำลายข้าวของ พวกมันเป็นแมวที่ฉลาดและชอบเล่นกับผู้คนและเป็นเพื่อน “ร่วมทุกข์ร่วมสุข” ได้อย่างดีเยี่ยม แมวสิงหปุระนั้นมีขนาดเล็ก ขนสั้น และดวงตาสีน้ำตาลทอง สีเขียว หรือสีเหลืองขนาดใหญ่ สีขนของมันนั้นค่อนข้างเป็นเอกลักษณ์และดูเหมือนเสือภูเขา หางของมันมีความยาวปกติ และค่อนข้างแข็งแรงเลยทีเดียว ถ้าคุณกำลังมองหาน้องเหมียวที่ไว้ใจได้ล่ะก็ แมวสิงหปุระที่งดงาม ขี้เล่น เฉลียวฉลาด และเป็นเอกลักษณ์นี้จะทำให้คุณหลงใหลตั้งแต่วินาทีแรกเลยล่ะ

       ฟังชื่อแล้วแมวพันธุ์นี้ดูไปคล้อง ๆ กับประเทศสิงคโปร์ใช่ไหมละคะ เป็นแมวสายพันธุ์ที่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักกันมากนักในไทยเท่าไหร่ แล้วคุณทราบไหมว่าแมวสิงหปุระนั้นมีขนาดเล็กที่สุดในโลกสำหรับแมวพันธุ์แท้เลยนะ ว่าแต่แมวสิงหะปุระนี่มันเกี่ยวกับประเทศสิงคโปร์รึเปล่า  และความน่ารักของมันนี่ขนาดไหนกัน  ขอบอกว่าแมวพันธุ์นี้น่ารักสุด ๆ ไปรู้จักมันกันเลยดีกว่า
  •  ถิ่นกำเนิด  จากประเทศสิงคโปร์  ประเทศใกล้บ้านเรากันนี่แหละค่ะ  เป็นแมวสายพันธุ์แท้ที่ได้ถูกนะมาพัฒนาในประเทศอเมริกาจนเป็นที่ยอมรับ

วันอังคารที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

วิธีการเลี้ยงดูแลแมวสายพันธุ์เบงกอล (Bengal)


วิธีการเลี้ยงดูแลแมวสายพันธุ์เบงกอล (Bengal)


  • ลักษณะนิสัย 

          ที่สำคัญนิสัยของเจ้าแมวเบงกอลก็ไม่ได้ดุดันอย่างที่กำลังคิดกันด้วยนะ แถมยังเชื่องแสนเชื่อง เป็นมิตร ชอบอยู่กับคน น่ารัก และคล่องแคล่วปราดเปรียว มีนิสัยชอบวิ่งไล่สิ่งของ หรือวัตถุ ชอบปีนป่าย ชอบไล่จับหนู หากไม่มีอะไรให้เล่นก็จะเล่นด้วยตัวเอง มีเสียงร้องที่ฟังแล้วเหมือนแมวป่าค่อนข้างมาก ส่วนสัญชาตญาณความเป็นสัตว์ป่าที่คงหลงเหลือให้เห็นอยู่ กลับกลายเป็นลักษณะเด่นของแมวเบงกอล นั่นคือ ความมั่นใจในตนเอง ความกล้าหาญ ไม่ขลาดกลัว และความเฉลียวฉลาดในการเอาตัวรอด และที่แตกต่างจากแมวเกือบทุกชนิดอย่างมาก คือ แมวเบงกอลมีนิสัยชอบเล่นน้ำอย่างมาก !?

  •  อาหารและการเลี้ยงดู

          ปัจจุบันแมวเบงกอลเริ่มเป็นที่รู้จักในไทยมากขึ้น แต่อาจยังไม่แพร่หลายเหมือนแมวชนิดอื่น ๆ เนื่องจากยังมีราคาค่อนข้างสูง ซึ่งแมวเบงกอล ราคาอยู่ที่ประมาณ 17,000-170,000 บาท ดังนั้นเมื่อตัดสินใจซื้อมาแล้ว ควรใส่ใจดูแลอย่างดี ซึ่งวิธีการเลี้ยงก็ใกล้เคียงกับแมวทั่ว ๆ ไป เพราะถือเป็นแมวบ้านเช่นเดียวกับแมวสายพันธุ์อื่น 

          แต่ถ้าหากอยากให้แมวสวย สุขภาพดี และมีขนที่สวยงาม การเลือกอาหารที่ดีให้กับแมวนั้นจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ อาหารสำเร็จรูปที่ดีจะช่วยให้คุณมั่นใจว่าขนและสุขภาพของแมวนั้นจะสวยที่สุด ส่วนเรื่องของการตัดเล็บ อาบน้ำ แปรงขน เช็ดหู และทำความสะอาดส่วนต่าง ๆ นั้น จะเหมือนกับแมวทั่ว ๆ ไป 

          เรื่องอาหาร แมวเบงกอลอาจจะต้องการเนื้อสัตว์ในปริมาณที่มากกว่าแมวทั่วไปเล็กน้อย โดยผู้เลี้ยงอาจจะให้เนื้อวัวสดวันละครั้งเพิ่มเติมจากอาหารที่กินอยู่เป็นประจำ ซึ่งจะไม่ทำให้ท้องเสียหรือเสียสุขภาพ เนื้อสดที่ให้ควรระมัดระวังความสะอาดด้วยการแช่แข็งเอาไว้เพื่อป้องกันการเจริญเติบโตของเชื้อราและแบคทีเรีย และควรเก็บเนื้อที่เหลือทิ้งทันที อย่างไรก็ตาม ห้ามให้เนื้อไก่หรือเนื้อหมูสดเด็ดขาด

ข้อควรระวังในการเลี้ยงแมวเบงกอล

    การเลี้ยงแมวเบงกอล มีสิ่งที่ต้องระวังเป็นพิเศษคือ แมวชนิดนี้มักเป็นโรคหัวใจ จึงควรหมั่นพบแพทย์  ฉีดวัคซีน ตรวจร่างกายสม่ำเสมอ และระมัดระวังเรื่องแบคทีเรียจากอาหารค้างคืนเพราะจะทำให้แมวท้องเสียได้ ห้ามให้เนื้อไก่และเนื้อหมู  อาหารโปรดของแมวชนิดนี้คือเนื้อวัว
ในประเทศไทยนั้นเริ่มมีการนำเข้าและเพาะจำหน่าย แมวเบงกอล เป็นอาชีพ ราคานั้นก็มีตั้งแต่หลักหมื่น ไปจนถึงหลักแสน เป็นที่ต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศ หากทำเป็นอาชีพควรมีพ่อพันธุ์และแม่พันธุ์แท้เป็นของตัวเอง เพราะจะช่วยให้เราควบคุมพฤติกรรมที่แตกต่างและโดดเด่นตามที่ลูกค้าต้องการได้  เช่น ความดุ ความเชื่อง ลวดลาย ซึ่งจะถูกถ่ายทอดมาถึงพันธุกรรมถึง 85%  ที่เหลือเป็นเรื่องการการเลี้ยงดูและให้อาหารซึ่งไม่แตกต่างจากแมวบ้านทั่วไปมากนัก

ประวัติแมวสายพันธุ์เบงกอล (Bengal)


ประวัติแมวสายพันธุ์เบงกอล (Bengal)


แมวสายพันธุ์เบงกอล (Bengal)

           แมวเบงกอลนั้นมีจุดเริ่มต้นมาจากการผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่างแมวหลายชนิด อาทิ อะบิสซิเนียน อเมริกันขนสั้น เบอร์มีส อียิปต์เชียนมัวร์ และแมวเสือดาวเอเชีย ในช่วงระหว่างปียุค 60 นั้น บรรดานักวิจัย อาทิ ช็อง มิลส์ในแคลิฟอเนีย ได้ทำการศึกษาโรคต่างๆที่เกิดขึ้นกับแมว เช่น โรคลูคิเมียและโรคมะเร็งชนิดอื่นๆ ระหว่างการทำวิจัยนั้น ก็ค้นพบว่าแมวป่า เช่นสิงโตหรือเสือนั้นมีภูมิต้านทานต่อโรคบางชนิด แมวเสือดาวเอเชียจึงได้ถูกนำมาผสมพันธุ์กับแมวบ้านธรรมดาเพื่อศึกษาว่าระบบภูมิคุ้มกันนั้นมีการทำงานในการต่อต้านโรคเหล่านี้ได้อย่างไร จากนั้นในปี 1963 คุณนายมิลส์ ก็ได้ทำการผสมพันธุ์แมวเสือดาวเอเชียตัวเมียกับแมวบ้านสีดำตัวผู้ ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมานั้นก็คือ ลูกแมวที่มีทั้งสีเดียวล้วนและมีลายจุด ซึ่งต่อมา หนึ่งในลูกแมวลายจุดตัวเมียนั้นก็ได้ถูกนำมาผสมพันธุ์กับแมวที่เป็นพ่อของมัน และลูกที่ออกมาครอกนั้นเป็นลูกแมวลายจุดทั้งหมด ซึ่งตรงนี้เองที่เป็นจุดกำเนิดของแมวเบงกอล ด้วยเหตุนี้น้องเหมียวเบงกอลจึงเป็นแมวสายพันธุ์ที่มีเอกลักษณ์เพราะเป็นแมวลายจุดเพียงสายพันธุ์เดียวที่สืบเชื้อสายมาจากแมวป่าขนาดใหญ่ซึ่งก็คือ แมวเสือดาวเอเชีย นอกจากนี้ เป้าหมายในการพัฒนาแมวเบงกอลขึ้นมานั้นก็เพื่อสร้างแมวที่มีลักษณะคล้ายกับบรรพบุรุษของมันซึ่งเป็นแมวป่า แต่สามารถนำมาทำเป็นแมวเลี้ยงได้ น้องเหมียวเบงกอลในปัจจุบันถือได้ว่าเป็นสายพันธุ์ที่มีความพิเศษ น่าสนใจ และสร้างความพึงพอใจแก่ผู้โชคดีที่ได้พบเจอมัน ยิ่งไปกว่านั้น สีสันและลวดลายที่งดงามของมันนั้นทำให้มันเป็นสายพันธุ์ที่มีความเป็นเอกลักษณ์โดดเด่น น้องเหมียวอารมณ์ดีสายพันธุ์นี้ยังเหมาะสมกับผู้เลี้ยงเกือบทุกประเภทและอยู่ได้เกือบทุกสถานการณ์อีกด้วย แต่ต้องจำไว้อย่างว่า แมวเบงกอลเป็นแมวที่ซุกซน กระตือรือร้น และขี้เล่นมาก และยังชอบทำตัวเป็นเจ้านายเสียด้วย ดังนั้นก็ควรมีใครที่สามารถดูแลและรับมือเจ้าเหมียวสายพันธุ์นี้ได้อย่างเหมาะสม! นอกจากนี้ แมวเบงกอลยังเฉลียวฉลาด และสอนพวกคำสั่งพื้นฐานได้ง่าย คุณสามารถปล่อยให้พวกมันเดินนำไปได้เลย เพราะพอเรียก มันก็จะมาหาคุณเองทันที เหมือนกับแมวตัวอื่นๆที่มาหาเจ้าของอย่างกับมี “โทรจิต” นั่นเอง ถ้าคุณอยากเลี้ยงแมวที่เป็นมิตร น่ารักน่าชัง และมีประวัติความเป็นมาที่ไม่เหมือนใครแล้ว

1. ต้นกำเนิด

           การกำเนิดขึ้นของแมวเบงกอล เริ่มโดย คุณ Jean Mills หญิงชาวมลรัฐแอริโซนา ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่หลงใหลในลวดลายของแมวป่า เธอใช้เวลาถึง 20 ปี (เริ่มมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1980 หรือ พ.ศ. 2523) ในการพัฒนาให้มีจุด (Spotted ที่ใหญ่และแมวตัวผู้ไม่เป็นหมัน (แมวตัวผู้จะเป็นหมันใน F1 and F2) จนสามารถสร้างจุดให้ใหญ่และมีสีที่ตัดกันในจุดมากขึ้นด้วย และเธอตั้งชื่อสายพันธุ์นี้ว่า เบงกอล ตามชื่อวิทยาศาสตร์ของแมวป่าที่เรียกกันว่า Felis Bengalensis นั่นเอง 




2. ลักษณะประจำพันธุ์

          แมวเบงกอล (Bengal) เป็นแมวที่ผสมข้ามสายพันธุ์ ระหว่างแมวดาว (Asian Leopard Cat) กับแมวบ้าน (Domestic Shorthair) ในที่นี้คือ Egyptian Mau คือ พันธุ์แมวอียิปต์โบราณ และมีโครงสร้างเป็นลายจุด มีลักษณะที่เหมือนแมวป่า (Wild Cat) ซึ่งเป็นการผสมข้ามสายพันธุ์ของแมวดาวกับ E.Mau and Ocicat 

           แมวเบงกอล เป็นแมวขนาดปานกลางถึงค่อนข้างใหญ่ หัวมีความยาวมากกว่ากว้าง เพราะถูกผสมโดยควบคุมลักษณะให้มีรูปร่างคล้ายแมวป่า เพรียว ยาว เห็นมัดกล้ามเนื้อแบบนักล่าชัดเจน โดยจะมีความสูงส่วนสะโพกสูงกว่าความสูงของช่วงไหล่ หางส่วนมากจะมีปลายชี้ลง ใบหูกลม สั้น ตารูปไข่ (Oval) ช่วงโคนหนวดเด่น ช่วงปากและรอบจมูกกลมกว่าแมวบ้าน จุดที่เด่นที่สุดของแมวเบงกอล ได้แก่ ลายและสีขนที่อาจเป็นจุดแบบแมวป่าหรือลายหินอ่อน

          หากเริ่มสนใจจะหาเจ้าเหมียวพันธุ์เบงกอลมานอนกอดสักตัว ควรเลือกซื้อแมวเบงกอลที่มีโครงสร้างใหญ่ ลำตัวยาว มีลวดลายบนตัวที่เด่นชัดขนาดเท่าหัวแม่มือ จุดด้านข้างลำตัวมีขนาดใหญ่และเรียงตัวอย่างไม่เป็นระเบียบในแนวนอน แมวเบงกอลบางตัวจะมีลวดลายโรเซตที่เป็นจุดขนาดใหญ่ที่มีสีอ่อนกว่าตรงกลาง จุดคล้าย ๆ กับลายของเสือจากัวร์ ซึ่งเป็นที่ต้องการมากกว่าแมวที่มีจุดสีเดียวตามปกติ 

          ลายทางที่หน้าผากควรมีสีเข้มลากยาวในแนวนอนจากหางตาไปถึงใบหู และควรมีเส้นสีเข้มเป็นสร้อยคอยาวรอบ ๆ คอเฉียบคม ขนเงานุ่ม ใบหน้าของลูกแมวนั้นต้องมีลักษณะที่แสดงถึงความเป็นแมวป่า มีขอบตาดำสนิท เส้นที่ใบหน้าเข้ม ริมฝีปากใหญ่เต็ม มีหางที่หนา มีจุดที่ขาหรือเป็นวงที่ไม่เต็มวงรอบ ๆ ขา มีสีอ่อนบริเวณรอบปาก คอ และขาด้านใน ดวงตานั้นสามารถจะเป็นสีเขียว สีทอง หรือสีเหลือง 

วันจันทร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

วิธีการเลี้ยงดูแลแมวสายพันธุ์บาหลี


วิธีการเลี้ยงดูแลแมวสายพันธุ์บาหลี (Balinese)



  • ลักษณะ  เป็นแมวขนยาวนุ่ม  รูปร่างผอมยาว  หัวเป็นรูปลิ่ม ตาสีฟ้าสดใส หูตั้ง ศีรษะมีแผ่นรอยแต้มของสีเล็กๆเกิดขึ้น (ขนจะหดสั้น) มีสีทึบ  และสีของมันที่เป็นที่ยอมรับมีเพียงสีที่เหมือนกับแมววิเชียรมาศเท่านั้นว่าเป็นแมวบาหลี  เพราะแม้แมวจะมีสีอื่นด้วยแต่ไม่นับว่าเป็นแมวบาหลีนะคะ
  • อุปนิสัย  เหมือนกับแมววิเชียรมาศ เป็นแมวที่ค่อนข้างฉลาด ชอบที่จะเป็นจุดสนใจ  ขี้เล่น  มีเสียงร้องที่เบากว่าแมววิเชียรมาศ  แมวบาหลีไม่ค่อยขีดข่วนเวลามันหงุดหงิดสักเท่าไหร่ แต่มันอาจจะครางหรือคำรามซะมากกว่า
  • การดูแล  แมวบาหลีมีอายุเฉลี่ยราว 13-15 ปี  ขนของมันดูแลง่ายกว่าเจ้าเปอร์เซีย  การแปรงขนหรือแปรงฟันนั้นแมวบาหลีมักจะยอมให้เจ้าของเป็นคสทำมากกว่าคนอื่น  แมวบาหลีมักทำความสะอาดขนตัวเองอยู่เป็นประจำและเป็นแมวที่ค่อนข้างเนี๊ยบ แต่ถ้าหากมันไปเปลื้อนมาละก็คุณก็อาบน้ำให้มันด้วยน้ำยาสระขนอย่างอ่อนโยนได้







ประวัติแมวสายพันธุ์บาหลี (Balinese)


ประวัติแมวสายพันธุ์บาหลี (Balinese)



บาหลี (Balinese)

แมวบาหลีเป็นแมวที่กระตือรือร้นและ “ช่างพูดช่างคุย” เป็นอย่างยิ่ง และยังชอบเดินตามเจ้าของพร้อมคอยแจกความรักให้กับคนที่พบเจอเวลามันเดินไปไหนต่อไหนอีกด้วย! น้องเหมียวขนยาวพันธุ์นี้เป็นส่วนหนึ่งของตระกูลแมวที่มาจากประเทศทางฝั่งตะวันออก และได้รับการพัฒนามาจากลูกแมวพันธุ์ขนยาวที่พบตามครอกลูกแมวสยามในสหรัฐอเมริกา รูปร่างและการเคลื่อนไหวที่สง่างามของน้องเหมียวสายพันธุ์นี้เป็นตัวจุดประกายที่มาของชื่อสายพันธุ์พวกมัน นั่นก็เพราะว่ามันทำให้ผู้ที่เพาะเลี้ยงมันนั้นนึกถึงนักเต้นรำท้องถิ่นที่อยู่บนเกาะบาหลีนั่นเอง แมวบาหลีนั้นเป็นแมวขนาดกลางที่มีรูปร่างยาวเรียวเหมือนกับแมวสยาม แต่ร่างผอมยาวของมันนั้นถูกปกคลุมไปด้วยขนยาวนุ่มที่ถึงแม้ว่าตัวมันจะยาว แต่ก็ไม่จำเป็นต้องตัดแต่งขนอะไรมากเหมือนกับแมวสายพันธุ์ที่มีขนยาว นอกจากนี้ ที่จริงแล้ว ขนที่สวยงามและหางที่ยาวปุกปุยของมันแทบจะเป็นเพียงแค่สิ่งเดียวที่ทำให้มันแตกต่างไปจากแมวสยาม สำหรับตาของมันนั้นมีรูปร่างคล้ายเมล็ดอัลมอนด์สีฟ้า ส่วนลำตัวของมันอาจจะมีลวดลายสีต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น สีฟ้า ม่วงแดง และช็อกโกแลต สำหรับคนที่อยากจะเลี้ยงแมวที่กระตือรือร้นตลอดเวลานั้น แมวบาหลีเป็นทางเลือกที่ใช่เลยสำหรับคุณ เพราะเป็นแมวที่มีชีวิตชีวา ขี้เล่น สวยงามและเป็นเพื่อนเล่นที่ชื่นชอบการอ้อนหรือนั่งอยู่บนตักของเจ้าของอย่างที่สุด

ถิ่นกำเนิด  ได้ยินชื่อว่าบาหลีหลายคนคงนึกว่ามาจากประเทศอินโดนีเซียหรือเปล่าแต่ไม่ใช่นะคะ  มันเกิดจากการพัฒนาสายพันธุ์ในอเมริกา

สายพันธุ์   มาจากแมววิเชียรมาศ  โดยเกิดมาจากการที่มนุษย์นำมาผสมพันธุ์เพื่อต้องการความงามของแมววิเชียรมาศแต่ต้องการขนที่ยาวด้วย  เพราะปกติแมววิเชียรมาศจะขนสั้น  ส่วนทำไมถึงต้องชื่อว่าพันธุ์บาหลีนั้นนะเหรอ  เกิดจากการที่คนผสมพันธุ์เจ้าแมวพันธุ์นี้มองเห็นความสง่าและสวยงามเหมือนกับนักเต้นบาหลี  และถ้าหากจะให้ตั้งชื่อว่า long-haired Siamese(แมววิเชียรมาศพันธุ์ขนยาว) ก็เป็นชื่อที่ดูยาวไปและดูไม่น่าจดจำนั